วางแผนโปรแกรมฝึกซ้อมให้ตรงเป้าหมาย! เพิ่มความเร็ว เพิ่มทักษะ เพิ่มความทน ทำเวลาให้ดีขึ้น

โปรแกรมการฝึกซ้อมตัวต่อตัว ที่ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพทางกีฬาของคุณ ไม่จะเป็นการวิ่ง ว่าย ปั่น ไตรกีฬา ทวิกีฬา และไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือชัยชนะ หรือเพียงเพื่อพัฒนาตัวเองไปอีกระดับ เราช่วยคุณได้!

การพัฒนาศักยภาพนักกีฬาต้องทําอย่างรอบด้านควบคู่กันไป ทั้งเรื่องเทคนิค สมรรถนะ การพัฒนาด้านจิตใจ และโภชนาการ การวางแผนการซ้อมต้องเข้ากับลักษณะและระบบการใช้พลังงานร่างกายของนักกีฬาในปัจจุบัน ต้องมีเป้าหมายชัดเจน และแน่นอนต้องวัดผลได้
หากคุณเป็นอีกคนที่ต้องการพัฒนาศักยภาพทางกีฬาของตัวเองให้ตรงเป้าหมายและได้ประสิทธิผล เข้าร่วมโปรแกรมโค้ชชิ่งกับเราวันนี้ การโค้ชชิ่งไม่ใช่เพียงแผนการซ้อมทั่วไป แต่โปรแกรมการซ้อมจะถูกเขียนขึ้นและออกแบบให้ตรงกับเป้าหมายและสัมพันธ์กับลักษณะทางกายภาพของนักกีฬา

นักกีฬาแต่ละคนจะได้รับแผนการซ้อมแตกต่างกัน และมีการติดตามผลทุกสัปดาห์ คุณสามารถติดต่อโค้ชโดยตรงเพื่อสื่อสารและพูดคุยข้อซักถามต่างๆ โดยจะมีผู้ช่วยคนไทยแปลความหมายเพื่ออํานวยความสะดวก แผนการซ้อมมีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ คุณจึงไม่ต้องกังวล

โค้ชเจเจ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและเป็นโค้ชที่ได้การรับรองจากประเทศอังกฤษ โปรแกรมซ้อมทุกอย่างจึงถูกบรรจงเขียนขึ้นอ้างอิงจากผลการวิจัยเป็นหลัก
ติดต่อเข้าร่วมโปรแกรมโค้ชชิ่งกับเราวันนี้ เพื่อก้าวไปสู่อีกระดับ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายและสนุกไปกับกีฬาที่คุณรักได้อย่างเต็มที่

ใครเหมาะกับการโค้ชชิ่ง?

นักกีฬาที่ควรจะมีโค้ชคือนักกีฬาที่สนใจในการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬาระดับแนวหน้าเท่านั้นถึงควรจะมีโค้ช การที่คุณเริ่มมีโค้ชตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการเล่นกีฬานั้นๆ จะทำให้คุณพัฒนาไปได้อย่างมีหลักการ การโค้ชชิ่งเหมาะกับนักกีฬาทุกระดับ ซึ่งแผนการซ้อมและความเข้มข้นจะถูกปรับให้เข้ากับสมรรถนะและจุดมุ่งหมายของนักกีฬาแต่ละคน

Coaching programs กับ Training Plan ต่างกันอย่างไร?

หลายคนที่ฝึกซ้อมด้วยตัวเองพบกับปัญหาในการหาจุดมุ่งหมายและทิศทางในการฝึกซ้อมที่ถูกต้อง หลายๆ ครั้งที่การพัฒนาของคุณหยุดชะงักและถดถอยแม้จะฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องก็ตาม นั่นเป็นเพราะแผนการซ้อมของคุณนั้นยังไม่ถูกต้อง

Training Plan ทั่วไปที่ใช้หลัก One plan fit all คือ การเขียนโปรแกรม 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน ขึ้นมาแล้วให้นักกีฬาทำตามเป็นขั้นๆ ซึ่งไม่มีการรับรองผลว่าโปรแกรมนั้นมันเหมาะกับลักษณะของนักกีฬาหรือไม่ ไม่มีการติดตามผล ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่แผนนั้นอาจจะไม่เหมาะกับคุณ

ในขณะที่การโค้ชชิ่ง โค้ชจะต้องทำความเข้าใจพื้นฐานและจุดมุ่งหมายของนักกีฬาให้เป็นอย่างดี จึงจะเริ่มวางแผนปูทางการซ้อมได้อย่างเป็นรูปแบบ ที่ความหนักและระยะเวลาที่เหมาะสม มีการติดตามผล พูดคุยสื่อสาร และวางแผนกลยุทธ์การแข่งขันให้กับคุณ โค้ชจะต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และเข้าใจผลของแต่ละการฝึกซ้อมเป็นอย่างดี ที่สามารถจะอธิบายให้นักกีฬาเข้าใจ และสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาได้

Former pro cyclist and Smartstop team director Mike Creed became the coach of the USA Paralympic team in 2015. He brought his inspirational style and intensity to the program, helping to produce a record medal haul for the USA team.

ความสำคัญของการทดสอบร่างกาย…

ก้าวแรกของการเริ่มโปรแกรม เราจะต้องทำความรู้จักกันก่อน ทำความรู้จักในที่นี้หมายถึงการทำความเข้าใจลักษณะทางกายภาพ สมรรถนะ และประสิทธิภาพทางกีฬาของคุณนั่นเอง เพราะหากไม่เข้าใจ โค้ชก็ไม่สามารถที่จะวางแผนการซ้อมให้เหมาะกับร่างกายของคุณได้ ซึ่งการทำความเข้าใจลักษณะทางกายภาพนักกีฬาแต่ละคน ทำได้ด้วยการทดสอบประสิทธิภาพและสมรรถภาพนั่นเอง ยิ่งได้ข้อมูลมาก ยิ่งง่ายต่อการวางแผนให้ตรงจุด

การทดสอบที่ยิ่งมีความละเอียดและใกล้เคียงกับสภาพการแข่งขันได้มากที่สุด จะให้ข้อมูลที่แม่นยำมากกว่า ซึ่งในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีมากมาย ที่ทำให้การทดสอบร่างกายทำได้อย่างเสมือนจริงในสภาพแวดล้อมใกล้เคียงความจริง ไม่ได้จำกัดอยู่ในแล็บอีกต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดสอบร่างกาย https://jjprocycling.com/th/accessories/360-physiological-profile-test-by-inscyd/

ความสำคัญของการตั้งเป้าหมาย

การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันคือปลายทางที่โค้ชและคุณจะต้องทำงานร่วมกัน คุณไม่ควรเปลี่ยนเป้าหมายไปมาตลอดเวลา เพราะการฝึกซ้อมของคุณจะขาดความต่อเนื่องและไม่ได้ผล การฝึกซ้อมเพี่อบรรลุเป้าหมายนั้นจะต้องให้เวลากับร่างกายในการปรับตัว สร้างพื้นฐาน สร้างความแข็งแรง ปรับการทำงานของระบบในการร่างกาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำได้เพียงข้ามคืน หากคุณเปลี่ยนเป้าหมายรวดเร็วเกินไป ร่างกายคุณอาจจะไม่พัฒนาไปทางไหนเลย

นอกจากนั้น เป้าหมายของคุณควรจะตั้งอยู่บนความเป็นไปได้ โค้ชจะช่วยประเมินเป้าหมายของคุณ และจะยึดมั่นกับเป้าหมายนั้นเพื่อทำให้มันสำเร็จเป็นจริงได้ คุณสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งอย่าง แต่ขอให้เป้าหมายเล็กๆ นั้น สอดคล้องไปกับเป้าหมายใหญ่ของคุณ เพื่อส่งเสริมให้คุณทำตามแผนสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น

หลักการโค้ชชิ่งของโค้ชเจเจ

การวางแผนการฝึกซ้อมของโค้ชเจเจนั้น ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา การค้นคว้าผลงานวิจัย และประสบการณ์ในการทำงานกว่า 30 ปีทั้งจากตัวเองและการทำงานร่วมกับโค้ชระดับประเทศมากมาย มาเขียนเป็นแผนการซ้อม ซึ่งจะถูกวางให้ตรงกับนักกีฬาแต่ละคนขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และพื้นฐานสมรรถภาพ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของนักกีฬาคนนั้นๆ โปรแกรมการฝึกซ้อมมีความยืดหยุ่น และปรับเปลี่ยนได้หากมีความจำเป็น

“ผมจะประเมินศักยภาพของนักกีฬาแต่ละคนจากรายงานผลทางกายภาพจาก 360 Physiological Profile Test รวมกับเป้าหมายของนักกีฬาที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักสปรินเตอร์ นักแข่งระยะสั้น IRONMAN นักปั่นขึ้นเขา นักปั่นแบบจับเวลา (Time Trial) นักปั่นเสือภูเขา หรือนักวิ่งระยะต่างๆ เพราะกีฬาแต่ละประเภทต้องการลักษณะและสมรรถนะของนักกีฬาที่แตกต่างกัน จำนวนชั่วโมงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่คุณภาพของในแต่ละการฝึกซ้อมนั่นคือสิ่งที่สำคัญ ผมเคยมีลูกศิษย์ชื่อ Matt Langworthy เป็นแชมป์เยาวชนจูเนียร์ โดยผมจัดตารางฝึกซ้อมเพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น! “

การติดต่อสื่อสาระหว่างโค้ชและนักกีฬาต้องมีความใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการซ้อมนั้นโอเคกับนักกีฬา และยังสร้างความเชื่อใจระหว่างกัน สร้างขวัญและกำลังใจในการฝึกซ้อมและการแข่งขัน

Jason Kenny กับโค้ชทีมอังกฤษที่ทำให้เค้าได้คว้าชัยชนะในโอลิมปิคที่ผ่านมา 2016

มีทางลัดที่จะทำให้พัฒนาได้เร็วๆ ในระยะสั้นๆ หรือไม่?

คำตอบคือ “ไม่มี” ครับ ร่างกายของเรามีพัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณไม่สามารถหวังผลในระยะสั้นๆ จากการซ้อมได้ แผนการซ้อมจึงมีการสลับหนักเบา เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน และเริ่มเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดที่ถูกต้อง การที่คุณออกกำลังหนักๆ หลายๆ ชั่วโมงมากกว่าเพื่อน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเก่งเร็วขึ้น นอกจากนั้น การซ้อมอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง หรือเข้าแข่งขันติดกันหลายสนาม นอกจากจะทำให้ร่างกายคุณเหนื่อยล้าเกินไป ประสิทธิภาพการปั่นของคุณจะตกลงในที่สุด อาจเกิดอาการบาดเจ็บ จิตใจของคุณก็จะห่อเหี่ยว ไม่สนุกกับการเล่นกีฬาอีกต่อไป

วิธีการเลือกโปรแกรมการซ้อมที่เหมาะกับคุณ (How to Choose Your Coaching Programs?)

Beginner Coaching Programs 3 เดือน 

เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่การฝึกซ้อมแบบเป็นระบบ ร่างกายคุณจะเริ่มปรับสภาพเข้ากับวิธีการฝึกซ้อม กล้ามเนื้อจะค่อยๆ พัฒนาในส่วนที่ถูกต้อง และคุณจะเริ่มเห็นพัฒนาการที่แตกต่าง โดยใน 2-3 สัปดาห์แรกๆ คุณจะรู้สึกเหนื่อยง่าย และรู้สึกว่าการซ้อมยาวนานเหลือเกินกว่าจะจบ แต่ในสัปดาห์ถัดๆ ไป ร่างกายคุณจะคุ้นชินและฝึกซ้อมได้นานมากขึ้น มีพลังมากขึ้น จนคุณรู้สึกได้

ราคา 17,500 บาท (เฉลี่ยเดือนละ 5,833 บาท) ไม่รวมการทดสอบร่างกาย

Advanced Coaching Programs 6 เดือน 

เหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องการพัฒนาศักยภาพและมีเป้าหมายชัดเจน เหมาะสำหรับนักกีฬาระดับกลางที่มีประสบการณ์มาซักระยะ มีการลงแข่งขันบ้าง แต่กลับไม่รู้สึกว่าฝีมือได้พัฒนาขึ้นเท่าไหร่นัก การฝึกซ้อมระยะ 6 เดือนจะช่วยจัดระบบร่างกายของคุณให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น มีช่วงระยะให้คุณได้ปรับตัวเข้ากับการฝึกซ้อม ไปจนถึงช่วงที่คุณเริ่มสร้างความแข็งแกร่งและสมรรถภาพ หัวใจของการซ้อมให้ได้ประสิทธิภาพที่สำคัญอีกอย่างนั่นก็คือ ความต่อเนื่อง หากคุณผ่านการซ้อมอย่างต่อเนื่องจนร่างกายคุณเริ่มมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น แม้จะขาดซ้อมไปบ้าง แต่ร่างกายคุณจะสูญเสียพลังหรือสมรรถนะไปน้อยมาก โดยเมื่อหากกลับมาเข้าโปรแกรมซ้อมใหม่ คุณก็จะกลับสู่สภาพที่เคยฟิตได้เร็วกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการฝึกซ้อม

ราคา 32,000 บาท (เฉลี่ยเดือนละ 5,333 บาท) ลด 50% ค่าทดสอบร่างกายแบบ 360 Physiological Test 1 ครั้ง

Ultimate Coaching Program 12 เดือน 

โปรแกรมการซ้อมสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาสมรรถภาพและมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการเข้าแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และต้องการไต่อันดับด้วยเวลาให้ดีขึ้น การฝึกซ้อมด้วยแพ็คเกจ 12 เดือน จะสร้างวินัยในตัวคุณเองให้ลุกขึ้นมาฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ สำหรับตารางซ้อมนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะหนักจนเกินไป หรือทำให้คุณไม่มีเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่น เพราะแผนการซ้อมของเราจะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังสามารถร่วมวางโปรแกรมให้สอดคล้องกับโปรแกรมซ้อมที่คุณมีอยู่แล้ว โดยไม่ทำให้คุณเหนื่อยล้าจนเกินไป โปรแกรมการซ้อมของเราจะมีทั้งหนักและเบาสลับกัน เพื่อให้ร่างกายได้มีโอกาสพัฒนาและฟื้นตัว นอกจากนี้ หากคุณมีแผนจะลงแข่งรายการใดๆ คุณสามารถแจ้งโค้ชล่วงหน้าได้ภายใน 4-6 เดือน เพื่อปรับเปลี่ยนโปรแกรมการซ้อมให้เหมาะสมกับรายการนั้นๆ ให้กับคุณได้อีกด้วย

ราคา 58,000 บาท (เฉลี่ยเดือนละ 4,833 บาท) ฟรี ค่าทดสอบร่างกายแบบ 360 Physiological Test 1 ครั้ง มูลค่า 8,900 บาท


โปรแกรมโค้ชชิ่ง คุณจะได้รับ Coaching Programs include:

ขั้นตอนการโค้ชชิ่ง 

  1. เริ่มจากการตั้งเป้าหมายร่วมกันกับโค้ชเจเจ
  2. นัดหมายเพื่อทำการทดสอบสมรรถภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบแบบเต็มรูปแบบ 360 Physiological Test (Swim/Bike/Run) หรือการทดสอบแลคเตทเทสแบบมาตรฐาน
  3. โค้ชเจเจจะทำการเซ็ทโปรแกรมการซ้อมผ่านทาง Application Online ชื่อ TrainingPeaks และหลังจากการฝึกซ้อมในแต่ละสัปดาห์ โค้ชจะวิเคราะห์ข้อมูลและตอบกลับผ่านทาง Application เช่นเดียวกัน
  4. วัดผลและปรับแผนการซ้อมรายสัปดาห์ให้เหมาะสมกับการตอบสนองและวัตถุประสงค์ของนักกีฬาท่านนั้น

พิเศษ! Race Plan จากโค้ชเจเจ…

เพื่อวางกลยุทธ์การใช้ Power/Pace และแผนโภชนาการ สำหรับการแข่งขันที่ออกแบบเพื่อคุณ ทำให้คุณทำเวลาดีขึ้น มีพลังงานพอเพียงจนจบการแข่งขัน

  • 2,500 THB สำหรับ Race Plan 1 กีฬา 1 ครั้ง
  • 3,500 THB สำหรับ Race Plan 2 กีฬา 1 ครั้ง
  • 4,500 THB สำหรับ Race Plan 3 กีฬา 1 ครั้ง

หากคุณมีคําถามในใจว่าจะซ้อมอย่างไรให้มีทิศทางและได้ผลสูงสุด ผมช่วยคุณได้ครับ ติดต่อเราวันนี้ที่ JJ Pro Performance Centre อย่าลืมนะครับว่า “คุณคืออาวุธหลักที่สําคัญที่สุด ไม่ใช่อุปกรณ์ การวางแผนการแข่งและฝึกซ้อมร่างกายอย่างถูกต้อง จะทำให้คุณไปสู่ชัยชนะ” – โค้ชเจเจ

ติดต่อโค้ชชิ่งกับเรา Add Line: @JJProPerformance

เพิ่มเพื่อน

Facebook : JJ PRO Performance Centre Phuket/Bangkok

Call or Whatsapp: +66 62 625 6444

Price and Promotion — Click


ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:

  • 5 วิธีเลือกโค้ชจักรยาน คลิก >>
  • การทดสอบ 360 Physiological Test (Swim/Bike/Run) คลิก>>

ข้อมูลเกี่ยวกับ TrainingPeaks คลิก >> 

en_USEnglish